หมอกบนภู เวทมนตร์ในป่า

 

เรื่อง และ ภาพ : จูล่ง เตชาวัฒน์

พลบค่ำของวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม คนต่างหน้านับ 70 คนได้มารวมกันที่หน้ายิมเนเซียม 7 พร้อมสัมภาระมากมาย ก่อนจะเดินทางเป็นระยะทางกว่า 500 กิโลเมตรและเดินเท้าขึ้นยอดภูอีก 5-6 ชั่วโมง สู่ป่าเวทมนตร์ที่ชื่อว่า “ภูกระดึง”

“อีกไกลมั้ย เหนื่อยแล้ว”  คือคำที่พวกเราบ่นติดปาก 

“อีกนิดเดียว” คือคำที่พี่ลูกหาบคอยพูดให้กำลังใจพวกเราราวกับน้ำแดงมะนาวโซดาในทุก ๆ ซำ ต้องขอขอบคุณพี่ลูกหาบมาก ๆ ครับ ที่ช่วยพวกเรายกสัมภาระมากมายขึ้นไปใช้บนยอดเขา ถ้าไม่มีพวกพี่ ๆ พวกเราน่าจะเผชิญความลำบากขึ้นไม่น้อยครับ

“ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง” ทันทีที่เห็นคำนี้รู้สึกสบายใจที่การขึ้นเขาสิ้นสุดแล้ว นั่งลงรอเพื่อน ๆ ที่เดินตามมา ก่อนจะถ่ายรูปกับป้ายนี้เพื่อเป็นที่ระลึก จากนั้นเดินทางเข้าสู่ลานกางเต็นท์พร้อมกับจอมเวทย์ฮอกวอร์ต เอ้ย พี่ ๆ ทีมเซอร์เวย์ที่มาดูสถานที่ไว้ก่อน พร้อมพาลูกค่ายออกผจญภัย 

หลังจากที่พวกเราวางของที่หอพักเทียนน้ำเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวผัดผักหมูกรอบ และฟังนัดหมายสำหรับวันรุ่งขึ้น ก่อนที่จะรีบเข้านอนก่อนเวลาสี่ทุ่มที่ไฟฟ้าจะถูกตัด

วันรุ่งขึ้นตื่นแต่เช้าไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ได้เห็นดวงจันทร์ยิ้มลับขอบฟ้า ได้เห็นดวงตะวันค่อย ๆ ทะยานสูงผ่านกลีบเมฆเปลี่ยนแปลงความสว่างจากมืดสู่สีไข่แดง ได้เห็นผู้คนมากมายรายล้อมหน้าผา จากนั้นเดินเท้ามุ่งหน้าสู่ลานพระ เป็นลานกว้างที่มีหินอยู่ มีซากหินจำนวนหนึ่งปักหลักอยู่กับพื้น   มีพระพุทธรูปสีขาวหุ่มจีวรสีเหลืองส้มสะท้อนแสงในช่วง golden hour

ในวันคริสต์มาส เราตื่นแต่เช้าไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่สระซุปเปอร์อโนดาต เป็นสถานที่ที่มีพืชพรรณป่าไม้มากมาย ร่องรอยสัตว์ป่า อีกทั้งยังมีหมอกหนาปกคลุมไกลสุดลูกหูลูกตา ทำแนวเส้นขอบฟ้าบดบังดวงตะวันทอแสงสีทอง                    ให้ความรู้สึกว่าเป็นบรรยากาศคล้ายต่างประเทศ  จนกระทั่งเวลาราว 7 นาฬิกา เริ่มเดินกลับที่พัก เตรียมตัวเดินทางไกลไปสระอโนดาต ผาเหยียบเมฆ หล่มสัก และ สุดทางที่ผาหมากดูก นับเป็นระยะทางเท้าเดินราว 40000 ก้าว คำนวณเป็นระยะทางร่วม 30 กิโลเมตรในหนึ่งวันเลยทีเดียว  ต่อไปจนถึงวันรุ่งขึ้นที่ได้เดินชมใบเมเปิ้ลสีชาด

เวลาผ่านไปหลายวัน เปลี่ยนให้จากคนที่พึ่งรู้จักกันเริ่มสนิทกันโดยปริยาย สนิทราวกับเราเคยสร้างหน้าประวัติศาสตร์ซักอย่างร่วมกันมาก่อน ทุกคนได้ใช้เวลาร่วมกันในทุกช่วงเวลาของวัน

จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายที่พวกเราต้องเดินทางกลับ ถือเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกใจหายนัก ณ เวลานี้ยังรู้สึกว่ายังไม่อยากลาจากคนกลุ่มนี้ สถานที่นี้ แต่เมื่อใดที่เรานึกถึง ความทรงจำเหล่านั้นจะเป็นแรงทำให้เรามีความรู้สึกดีๆ กลุ่มคนที่เรารัก จนแอบนึกถึงเพลงท่อนนึงว่า memories bring back, memories bring back you.